โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่มี Spread ต่ำที่สุดสำหรับปี 2025

　　ในโลกการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ (forex trading) “สเปรด” หมายถึงความแตกต่างราคาระหว่างราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายที่โบรกเกอร์เสนอ สเปรดนี้เป็นสิ่งสำคัญในการกำหนดต้นทุนรวมของการซื้อขายของคุณและมีบทบาทพื้นฐานในประสบการณ์การซื้อขายของคุณ

　　เพื่ออธิบายง่ายๆ โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำคือผู้ที่เสนอราคาที่แข่งขันอย่างมากโดยรักษาช่องว่างระหว่างราคาซื้อ (ราคาเสนอซื้อ) และราคาขาย (ราคาเสนอขาย) ให้เป็นขั้นต่ำ ความแตกต่างน้อยนี้แสดงถึงสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่มีต้นทุนประหยัด

　　อย่างสำคัญ โบรกเกอร์ที่ไม่เรียกค่าคอมมิชชั่นจะสร้างรายได้ของพวกเขาโดยคำนวณค่าธรรมเนียมลงในราคาเสนอซื้อและราคาเสนอขายของคู่สกุลเงินที่คุณซื้อขาย แทนที่จะเรียกค่าคอมมิชชั่นแยกต่างหาก ดังนั้น เมื่อคุณตามหาโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำ คุณกำลังมองหาวิธีการซื้อขายที่มีประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจมากขึ้น

　　โบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำส่วนใหญ่เป็นโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงในการเสนอราคาสเปรดแคบมาก และในบางกรณี คุณสามารถพบสเปรดที่แคบมากถึง 0 พิปส์บนคู่สกุลเงินที่เฉพาะเจาะจง อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือควรเข้าใจว่าคำว่า "สเปรดต่ำ" อาจมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นลงขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินที่คุณกำลังซื้อขาย

　　ตัวอย่างเช่น คู่สกุลเงิน EUR/USD ซึ่งเป็นคู่สกุลเงินที่ซื้อขายอย่างหนักที่สุดในโลก ใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินสเปรดของโบรกเกอร์ สเปรดเฉลี่ยสำหรับ EUR/USD มักอยู่ในช่วง 0.1 ถึง 0.8 พิปส์ ซึ่งเป็นการเสนอราคาที่แข่งขันอย่างมาก ในทางกลับกัน สเปรดของคู่สกุลเงินอื่นๆ อาจจะสูงขึ้นเล็กน้อย

　　พื้นฐานการกระจาย: การกระจายคือความแตกต่างระหว่างราคาซื้อ (ราคาที่คุณสามารถขายคู่สกุลเงินได้) และราคาขาย (ราคาที่คุณสามารถซื้อคู่สกุลเงินเดียวกันได้)

　　การคำนวณ: ในการคำนวณการกระจาย คุณเพียงแค่ลบราคาซื้อออกจากราคาขาย ผลลัพธ์จะถูกแสดงในหน่วยพิปซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวราคาเล็กที่สุดในตลาดฟอเร็กซ์

　　ตัวอย่างเช่น หากคู่สกุลเงิน EUR/USD มีราคาขายเท่ากับ 1.1500 และราคาซื้อเท่ากับ 1.1495 การกระจายจะเป็นดังนี้:

　　การกระจาย = ราคาขาย - ราคาซื้อ

　　การกระจาย = 1.1500 - 1.1495

　　การกระจาย = 0.005 พิป (หรือ 5 พิป)

　　ในกรณีนี้ การกระจายสำหรับคู่สกุลเงิน EUR/USD คือ 5 พิป

　　การกระจายแบบแปรผันกับการกระจายแบบคงที่

　　การกระจายแบบคงที่จะคงที่ไม่ว่าจะอยู่ในเงื่อนไขตลาดใด ๆ ในขณะที่การกระจายแบบแปรผันสามารถขยายหรือหดตามความผันผวนของตลาด ในเงื่อนไขตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เช่น ประกาศเศรษฐกิจสำคัญ การกระจายแบบแปรผันอาจเพิ่มขึ้นซึ่งอาจทำให้ค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูงขึ้น

　　นักเทรดเป็นคนที่มีความต้องการในการหาสเปรดต่ำเนื่องจากเหตุผลที่น่าสนใจหลากหลายดังนี้:

　　ความมีประสิทธิภาพทางต้นทุน: สเปรดต่ำจะลดต้นทุนการเทรดโดยตรง การเล็งเลือนระหว่างราคาซื้อและราคาขายจะมีการลดลง ทำให้การเทรดเป็นเศรษฐกิจมากขึ้น

　　การปรับให้กำไรสูงสุด: สเปรดแคบช่วยให้นักเทรดเก็บรักษาส่วนแบ่งของกำไรที่เป็นไปได้ได้มากขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่ลดลง จำเป็นต้องมีการเคลื่อนไหวของตลาดน้อยกว่าที่คาดหวังในทิศทางที่ต้องการเพื่อครอบคลุมสเปรดและทำการเทรดที่มีกำไรได้

　　การลดความเสี่ยง: สเปรดที่แน่นหนาเป็นประโยชน์สำหรับการจัดการความเสี่ยง การลดความสูญเสียที่เป็นไปได้โดยการลดช่องว่างระหว่างจุดเข้าและจุดออก แม้ในการเคลื่อนไหวราคาที่ไม่เอื้ออำนวย

　　การสแกลปิ้งและการเทรดในวันเดียวกัน: สำหรับผู้ที่มีการเทรดบ่อยครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ เช่น สแกลเปอร์และนักเทรดในวันเดียวกัน สเปรดต่ำเป็นสิ่งจำเป็น มันช่วยให้สามารถจับความผันผวนของราคาเล็กน้อยโดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสูง

　　การดำเนินการกลยุทธ์ที่เพิ่มขึ้น: นักเทรดที่พึ่งพากลยุทธ์ที่เฉพาะเจาะจง เช่น เทรดความถี่สูง อาร์บิเทรจ หรือการเทรดที่ขึ้นอยู่กับข่าว ต้องการสเปรดต่ำเพื่อทำให้กลยุทธ์ของพวกเขาเป็นไปได้ สเปรดสูงอาจลดกำไรที่เป็นไปได้ในกลยุทธ์เหล่านี้

　　การกำหนดราคาโป Transparan และเทียบเท่า: สเปรดต่ำบ่งบอกถึงสภาวะการกำหนดราคาที่เป็นธรรมและโปร่งใส นักเทรดมีความมั่นใจมากขึ้นในโบรกเกอร์ที่มีสเปรดแข่งขัน โดยเชื่อว่ากำไรของพวกเขาไม่ได้ถูกลดลงเกินไปด้วยค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม

　　โอกาสในการเทรดที่ขยายตัว: ค่าใช้จ่ายในการเทรดที่ลดลงสามารถส่งผลให้มีโอกาสในการเทรดที่กว้างขึ้น นักเทรดสามารถสำรวจสินทรัพย์และคู่สกุลเงินที่หลากหลายมากขึ้นโดยไม่กลัวค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรมที่ขัดขวาง

　　ความได้เปรียบในการแข่งขัน: ในตลาดที่แข็งแกร่งที่นักเทรดกำลังแข่งขันเพื่อความเป็นเอกภาพ สเปรดต่ำสามารถทำความแตกต่างได้มาก มันช่วยให้สามารถเข้าและออกจากตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วโดยมีการเสียค่าเสียหายน้อยที่สุด

　　เศรษฐศาสตร์ระยะยาว: ตลอดเวลาการเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำอย่างต่อเนื่องสามารถสะสมเงินออมได้มาก โดยเฉพาะสำหรับนักเทรดที่เข้าร่วมบ่อยครั้ง

　　ความเหมาะสมของตลาด: การแพร่กระจายในตลาดฟอเร็กซ์เกี่ยวข้องอย่างลึกซึ้งกับระดับความเหมาะสมในคู่สกุลเงินที่กำหนดไว้ คู่สกุลหลัก เช่น EUR/USD ที่มีปริมาณการซื้อขายสูง มักจะมีการแพร่กระจายแคบกว่า ในทางกลับกัน คู่สกุลที่มีความเหมาะสมน้อย ซึ่งบ่งบอกถึงความหลากหลาย จะแสดงการแพร่กระจายกว้างขึ้นเนื่องจากกิจกรรมตลาดที่จำกัด

　　ผลกระทบจากเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ: รายงานทางเศรษฐกิจ การตัดสินใจของธนาคารกลาง และเหตุการณ์ทางภูมิภาคสามารถมีผลต่อการแพร่กระจาย การแพร่กระจายอาจขยายกว่าก่อนปล่อยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ เช่น ในช่วงเวลาก่อนประกาศของธนาคารกลางที่สำคัญ เช่น การตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย การแพร่กระจายอาจขยายเนื่องจากนักเทรดคาดการณ์ถึงความไม่แน่นอนในตลาด

　　โมเดลราคาของโบรกเกอร์: โครงสร้างการแพร่กระจายยังได้รับการกำหนดเพิ่มเติมจากโมเดลการดำเนินงานของโบรกเกอร์ โบรกเกอร์ผู้สร้างตลาดมักจัดหาการแพร่กระจายแบบคงที่และอาจปรับแต่งตามความคิดเห็นเกี่ยวกับต้นทุนของพวกเขา ในทางกลับกัน โบรกเกอร์ ECN มักจะมีการแพร่กระจายแบบเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับตลาดระหว่างธนาคาร

　　เวลาในแต่ละวัน: การแพร่กระจายยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับเวลาในแต่ละวัน ตลาดฟอเร็กซ์เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง แต่การแพร่กระจายอาจแคบลงในช่วงเวลาการซื้อขายหลักเมื่อผู้เข้าร่วมมากขึ้น

　　ข้อกำหนดทางกฎหมาย: ข้อกำหนดทางกฎหมายสามารถมีผลต่อวิธีการโครงสร้างการแพร่กระจายของโบรกเกอร์ บางข้อกำหนดอาจบังคับให้มีการกำหนดราคาโปร่งใสและข้อจำกัดในการแพร่กระจาย

　　การซื้อขายอัลกอริทึม: การเติบโตของการซื้อขายอัลกอริทึม รวมถึงการซื้อขายความถี่สูง สามารถมีผลต่อการแพร่กระจาย อัลกอริทึมสามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อเงื่อนไขตลาด ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีการปรับการแพร่กระจาย

　　ผู้ให้ความเหมาะสม: โบรกเกอร์พึ่งพาความร่วมมือกับธนาคารและสถาบันการเงินชั้นนำในการดำเนินการซื้อขาย ความสัมพันธ์เหล่านี้มีผลต่อการแพร่กระจายโดยตรง ตัวอย่างเช่น โบรกเกอร์ที่มีความเชื่อมั่นกับธนาคารแข็งแกร่ง มักจะมีการแพร่กระจายแคบกว่า ในทางกลับกัน อื่น ๆ อาจมีการแพร่กระจายกว้างเนื่องจากเงื่อนไขที่ไม่ได้เป็นที่น่าพอใจกับผู้ให้ความเหมาะสมของพวกเขา การเลือกคู่ค้าที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการรูปร่างเงื่อนไขการซื้อขายที่โบรกเกอร์สามารถนำเสนอได้

　　สำหรับนักเทรดในตลาดฟอเร็กซ์ การรักษาการกระจายเป็นเล็กที่สุดเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทำไม？ เพราะมันมีผลต่อค่าธรรมเนียมการซื้อขายและโอกาสในการทำกำไรโดยตรง ในการเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้เงื่อนไขการกระจายที่ดีที่สุด นักเทรดจำเป็นต้องใช้การเลือกกลยุทธ์ การเลือกโบรกเกอร์ และการจัดเวลาการซื้อขาย

　　เลือกโบรกเกอร์ที่เหมาะสม: เลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงที่รู้จักเป็นที่น่าเชื่อถือที่มีการกระจายที่แข็งแกร่ง ศึกษาและเปรียบเทียบโบรกเกอร์เพื่อหาโบรกเกอร์ที่มีการกระจายที่แน่นหนาสำหรับคู่สกุลเงินที่คุณต้องการซื้อขาย ค้นหาโบรกเกอร์ที่มีประวัติความโปร่งใสและการกำหนดราคาที่เป็นธรรม

　　การซื้อขายแบบ Scalping และ Day Trading: หากคุณเป็นนักเทรดแบบ Scalper หรือ Day Trader ให้เลือกโบรกเกอร์ที่เน้นการซื้อขายแบบนี้โดยเฉพาะ บางโบรกเกอร์มีเงื่อนไขที่ดีสำหรับการซื้อขายที่รวดเร็วและบ่อยครั้ง

　　พิจารณาอัตราสว๊าป: ตระหนักถึงอัตราสว๊าปซึ่งอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นประโยชน์ของการกระจายที่แน่นหนาสำหรับตำแหน่งที่ถือค้างคืน สมดุลย์กลยุทธ์การซื้อขายของคุณเพื่อคำนวณค่าใช้จ่ายเหล่านี้

　　การจัดเวลา: ซื้อขายในช่วงเวลาที่ตลาดหลัก เช่น ช่วงเวลาของลอนดอนหรือนิวยอร์ก เมื่อความเป็น Likuidity สูง การกระจายมักจะแคบลงในช่วงเวลาเหล่านี้

　　เลือกโบรกเกอร์ ECN หรือ STP: โบรกเกอร์ ECN (Electronic Communication Network) และ STP (Straight-Through Processing) มักจะมีการกระจายที่แน่นหนากว่าโบรกเกอร์ที่เป็นผู้สร้างตลาด พวกเขาให้การเข้าถึง Likuidity ระหว่างธนาคารโดยตรง ลดบทบาทของโบรกเกอร์ในการกำหนดการกระจาย

　คู่สกุลเงินหลัก: ซื้อขายคู่สกุลเงินหลัก (เช่น EUR/USD) เนื่องจากมักจะมีการกระจายที่แน่นหนาเนื่องจาก Likuidity สูง หลีกเลี่ยงคู่สกุลเงินที่ซื้อขายน้อยหรือเอ็กโซติกที่มักมาพร้อมกับการกระจายที่กว้างขึ้น

　　ในระหว่างการซื้อขายฟอเร็กซ์ในช่วงที่มีการซื้อขายในตลาดหลัก เช่น ลอนดอนและนิวยอร์ก, สเปรดจะเล็กลงอย่างต่อเนื่อง ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการซื้อขายและความเหลื่อมล้ำในตลาด ช่วงเวลาของการซื้อขายในลอนดอน ซึ่งเป็นหัวใจของตลาดฟอเร็กซ์ จะเป็นตัวกำหนดสถานการณ์ ดึงดูดสถาบันการเงินใหญ่ ธนาคาร และกองทุนฮีดจ์เข้ามา ในขณะที่เวลาผ่านไป การซื้อขายจะเพิ่มขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงเวลาการซื้อขายในนิวยอร์ก

　　การซื้อขายในนิวยอร์กมีความสำคัญเนื่องจากความเกี่ยวข้องกับสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก นักเทรดจากทั้งสองภูมิภาคมีส่วนร่วม สร้างการเข้ามาของเงินทุนและปริมาณการซื้อขายที่มีน้ำหนักมาก

　　ดังนั้น ในช่วงเวลาที่มีการซื้อขายซ้อนทับกันนี้ สเปรดจะเข้มงวด นำมาซึ่งประโยชน์ของการลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ซึ่งในเทิร์นนี้จะเพิ่มประสบการณ์การซื้อขายโดยให้นักเทรดได้รับราคาที่แข่งขันได้มากขึ้นและอาจมีการดำเนินการซื้อขายที่ดีขึ้นได้

　　อย่าลืมค่าคอมมิชชั่นเป็นค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์ขอให้คุณจ่ายเพื่อช่วยคุณทำการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ ค่าธรรมเนียมเหล่านี้แตกต่างจากสเปรดซึ่งเป็นความแตกต่างราคาระหว่างการซื้อและการขายและเป็นวิธีที่โบรกเกอร์หารายได้ มันเหมือนการชำระค่าบริการสำหรับงานที่พวกเขาทำให้แทนคุณ

　　ประเภทของค่าคอมมิชชั่น:

• 　　ค่าคอมมิชชั่นคงที่: บางโบรกเกอร์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมคงที่ต่อล็อตหรือการซื้อขาย โครงสร้างนี้สามารถคาดการณ์ได้ ทำให้เทรดเดอร์สามารถคำนวณต้นทุนการซื้อขายรวมได้ง่ายขึ้น

• 　　ค่าคอมมิชชั่นแปรผัน: ด้วยค่าคอมมิชชั่นแปรผัน ค่าธรรมเนียมสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามปัจจัยเช่นขนาดการซื้อขาย ปริมาณการซื้อขาย หรือประเภทบัญชี ผู้เทรดอาจจะต้องจ่ายอัตราค่าคอมมิชชั่นที่แตกต่างกันสำหรับการซื้อขายต่างๆ

• 　　ค่าคอมมิชชั่นที่ขึ้นอยู่กับเปอร์เซ็นต์: ในโมเดลนี้ ค่าคอมมิชชั่นคำนวณเป็นเปอร์เซ็นต์ของมูลค่าการซื้อขายทั้งหมด นี่อาจเป็นไปได้ที่ดีสำหรับการซื้อขายขนาดเล็ก แต่อาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายสูงสำหรับธุรกรรมขนาดใหญ่

　　ความสัมพันธ์ระหว่างค่าคอมมิชชั่นและสเปรด:

　　โบรกเกอร์บางรายมักจะให้ตัวเลือกให้กับเทรดเดอร์เกี่ยวกับโครงสร้างค่าธรรมเนียมของพวกเขา บางโบรกเกอร์นำเสนอบัญชีฟรีค่าคอมมิชชั่นพร้อมสเปรดกว้างขึ้น ในขณะที่อื่นๆอาจรวมค่าคอมมิชชั่นเข้ากับต้นทุนการซื้อขายเพื่อให้สเปรดแคบขึ้น ผู้เทรดต้องพิจารณาต้นทุนการซื้อขายโดยรวมซึ่งรวมทั้งสเปรดและค่าคอมมิชชั่น ขึ้นอยู่กับรูปแบบการซื้อขายและความชอบของตัวเทรดเดอร์ บางคนอาจเลือกสเปรดต่ำและค่าคอมมิชชั่นสูง ในขณะที่คนอื่นอาจเลือกตรงกันข้าม

ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อประเมินค่าคอมมิชชั่น:

• 　　รูปแบบการซื้อขาย: รูปแบบการซื้อขายและความถี่ของคุณสามารถมีผลต่อโครงสร้างค่าคอมมิชชั่นที่เหมาะกับคุณได้ ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้เทรดแบบ Scalpers อาจเป็นสเปรดต่ำและค่าคอมมิชชั่นสูงสำหรับการซื้อขายที่ถูกทำบ่อยและรวดเร็ว

• 　　ประเภทบัญชี: ประเภทบัญชีที่แตกต่างกันกับโบรกเกอร์เดียวกันอาจมีโครงสร้างค่าคอมมิชชั่นที่แตกต่างกัน ประเมินตัวเลือกที่นำเสนอและเลือกให้เหมาะกับเป้าหมายการซื้อขายของคุณ

• 　　ปริมาณการซื้อขาย: ผู้เทรดที่มีปริมาณการซื้อขายสูงอาจได้ประโยชน์จากโบรกเกอร์ที่มีส่วนลดค่าคอมมิชชั่นตามปริมาณการซื้อขาย

　　นักเทรดเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีการซื้อขายในปริมาณมากมีโอกาสเจรจากับโบรกเกอร์เพื่อตกลงราคาสเปรดได้ การเริ่มการสนทนากับโบรกเกอร์เพื่อสำรวจโอกาสนี้อาจนำไปสู่เงื่อนไขการซื้อขายที่เป็นประโยชน์มากขึ้นและต่อไปนี้จะลดต้นทุน การสื่อสารกับโบรกเกอร์อย่างเป็นกิจวัตรเป็นกลยุทธ์ที่ฉลาดสำหรับการปรับปรุงประสบการณ์การซื้อขายของคุณ

　　หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศของคุณ หรือการลงทุนใดๆ ขั้นแรกและสำคัญที่สุดสำหรับนักลงทุนเงินตราต่างประเทศทุกคนที่ต้องการเข้าร่วมตลาดเงินตราต่างประเทศคือการค้นหาคู่ค้าโบรกเกอร์ที่ดี นี่คือบางคำแนะนำเพื่อช่วยคุณค้นหาโบรกเกอร์ที่เหมาะสม:

       การกำกับ

　　การกำกับเป็นสัญญาณแรกที่บ่งบอกถึงโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือและน่าเอาใจใส่ โบรกเกอร์ที่ได้รับการกำกับหลักทรัพย์จะต้องเก็บเงินลูกค้าในบัญชีธนาคารที่แยกจากเงินทุนการดำเนินงานเพื่อปกป้องลูกค้า

      เงื่อนไขการซื้อขาย

　　เงื่อนไขการซื้อขายที่ดีจะเพิ่มโอกาสให้คุณสร้างรายได้ในตลาด ในขณะที่เงื่อนไขการซื้อขายที่ไม่เอื้ออำนวยอาจเปิดโอกาสให้คุณเผชิญกับความเสี่ยงในตลาด

　　โบรกเกอร์ที่ดีจะมีบัญชีที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลของนักซื้อขายต่างๆ และต้องการยอดเงินตั้งต้นขั้นต่ำที่ต่ำกว่ามาก

       แพลตฟอร์มการซื้อขาย

　　แพลตฟอร์มการซื้อขายเป็นจุดเข้าสู่ตลาดเงินตราต่างประเทศ มันช่วยให้คุณซื้อขายเครื่องมือได้ ในส่วนมากโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่เชื่อถือได้จะใช้แพลตฟอร์มคลาสสิก เช่น MT4, MT5 หรือทั้งสองอย่าง

　　นักลงทุนควรระมัดระวังเพิ่มเติมเมื่อจัดการกับโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าหรือไม่ได้รับการกำกับ ซึ่งใช้แพลตฟอร์มการซื้อขายที่เป็นเจ้าของ

       ฝากเงินและถอนเงิน

　　โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ที่น่าเชื่อถือจะทำให้คุณสามารถถอนเงินที่ฝากได้ง่าย

       รีวิวจากลูกค้า

　　การดูรีวิวของโบรกเกอร์รวมถึงบอร์ดการอภิปรายควรเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยของคุณเมื่อเลือกโบรกเกอร์

　　บางมุมมองอื่นๆ ที่คุณควรให้ความสนใจคือ ประวัติความเป็นมา อัตราความครอบคลุมของตลาดของโบรกเกอร์ และเครื่องมือการศึกษาที่โบรกเกอร์นี้นำเสนอ

　　โดยทั่วไปในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศของคุณ โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์จะเสนอราคาสองราคาที่แตกต่างกันสำหรับคู่สกุลเงิน: ราคาบิดและราคาขอซื้อ

　　"ราคาบิด" คือราคาที่คุณสามารถขายสกุลเงินหลักได้ "ราคาขอซื้อ" คือราคาที่คุณสามารถซื้อสกุลเงินหลักได้

　　ความแตกต่างระหว่างราคาสองราคาเหล่านี้เรียกว่า "สเปรด" สเปรดมักจะถูกวัดในหน่วยของพิป ซึ่งเป็นหน่วยเล็กที่สุดของการเปลี่ยนแปลงราคาของคู่สกุลเงิน สำหรับคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ หนึ่งพิปเท่ากับ 0.0001 ตัวอย่างเช่น ราคาบิด/ราคาขอซื้อของคู่สกุลเงิน EUR/USD คือ 1.1053/1.1055 แสดงว่าสเปรดเป็น 2 พิป คู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้องกับ JPY มักจะถูกเสนอในทศวรรษทศวรรษ

　　ตัวอย่างเช่น USD/JPY จะเป็น 125.00/125.02 การเสนอราคานี้แสดงถึงสเปรด 4 พิป มีสองประเภทของสเปรด：

　　สเปรดคงที่และสเปรดแปรผัน (Floating) สเปรดสามารถกว้างและแคบขึ้นขึ้นอยู่กับคู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง นอกจากสเปรดแล้วยังมีค่าคอมมิชชั่นและค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ค่าคอมมิชชั่นมักจะแตกต่างกันตามปกติระหว่าง 1 ถึง 5 ดอลลาร์สหรัฐโดยทั่วไปสำหรับการเปิดตั้งค่าต่อต้านใด ๆ

　　ค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมที่โบรกเกอร์ฟอเร็กซ์เรียกเก็บค่าธรรมเนียมรวมถึงค่าธรรมเนียมการไม่ใช้งาน ค่าขั้นต่ำรายเดือนหรือรายไตรมาส ค่ามาร์จินและค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการโทรหาโบรกเกอร์